nuffnang

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว Vital Star


น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวสกัดจากธรรมชาติ ไร้สารเจือปน

  • ต้านมะเร็ง อัมพฤกษ์-อัมพาต
  • โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต
  • มีบุตรยาก เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ มดลูกแข็งแรง-กระชับ
  • คอเลสเตอรอล เส้นเลือดตีบ
  • อัลไซเมอร์ ความจำเสื่อม
  • พาร์กินสัน ธาลัสซีเมีย
  • ฟื้นฟูสุขภาพ ชะลอความชรา
  • บำรุงสมอง บำรุงร่างกาย
  • ลดน้ำหนัก ได้ 10-15 กก. ภายใน 3 เดือน ทำให้คุณมีรูปร่างเพรียวสมส่วน
  • ลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
  • ลดอาการปวดหลัง
  • ลดระดับ LDL คอเลสเตอรอล ซึ่งก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย
  • เพิ่มระดับ HDL คอเลสเตอรอล ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย ความดันโลหิตลดลง และลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • บำรุงสมอง ป้องกันภาวะเสื่อมของสมองและความจำ
  • ช่วยให้ผิวหนังสดใส
  • ช่วยอาการผิดปกติของชาย, หญิง วัยเจริญพันธุ์ และวัยทอง
  • ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่าง ๆ และป้องกันการเกิดมะเร็ง
  • ลบเลือนริ้วรอยด่างดำ เหี่ยวย่น ฝ้า และ กระ
  • ลดภาวะท้องผูก ลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ช่วยให้นอนหลับสบาย

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวเป็นน้ำมันที่ได้จากกระบวนการพิเศษในการสกัดเอาสารสำคัญที่มีประโยชน์นานาชนิด ซึ่งมีอยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (Seed Membrane Layer) และจมูกข้าว (Rice Germ) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูงต่อร่างกายหลายชนิด เช่น

• กลุ่มสารฟอสโฟไลฟิด (Phospholipids) เช่น เลซิติน (Lecithin) เซฟฟาลิน (Cephalin) ไลโซเลซิติน (Lysolecithin) ซึ่งมีความสำคัญในการนำไปสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง และช่วยป้องกันเซลล์ประสาท จากสารที่เป็นพิษและอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยลดความเครียด และช่วยเสริมสร้างในด้านความจำ

• กลุ่มเซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น การเสริมสร้างเซราไมด์ให้เพียงพอ ทั้งโดยการรับประทานหรือการให้ทางผิวหนังในรูปการทาครีม หรือโลชัน จะช่วยรักษาผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง ปราศจากริ้วรอยย่นก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้เซราไมด์ยังมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนเนอร์ (Whitener) ซึ่งสามารถยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวพรรณได้ดี และยังเป็นมอยเจอไรเซอร์ (Moisturizer) ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวอีกด้วย

• กลุ่มคอลโทคอล (Tocols) วิตามินอีธรรมชาติ ในรูปของโทโคเฟอรอล(Tocopherol) และโทโคไทรอีนอล (Tocotrienol) มีประโยชน์ต่อร่างกายในการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ของร่างกายและยังช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง

• กลุ่มกรดไขมันไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 6 และกรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันจำเป็น โดยมีอยู่ประมาณ33%

• กลุ่มวิตามิน B - Complex ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น

• กลุ่มแกมมา - ออไรซานอล มีฤทธิ์ในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด และรักษาอาการผิดปกติของสตรีวัยทอง นอกจากนี้ยังเป็นสารอนุมูลอิสระ และยังป้องกันแสงยูวีได้ เมื่อใช้กินหรือใช้ทา ทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นและต้านการอักเสบ สารชนิดนี้มีความปลอดภัยสูงมากมหัศจรรย์จากธรรมชาติ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวจากผลการศึกษาวิจัยและการประกาศรับรองจากสถาบันต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เป็นสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงเลยนะคะ เหมาะสำหรับเป็นของขวัญในโอกาสต่างๆให้แก่ผู้ที่เรารัก เช่น คุณพ่อ, คุณแม่ หรือแม้แต่ตัวเราเองค่ะ เพราะเป็นน้ำมันที่อุดมด้วยประโยชน์มากมาย ประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ ดังนี้

1.สาร Gamma Oryzanol ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต โดยลดปริมาณคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในตับและเลือดเป็นผลให้ความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดลดลง รวมทั้งช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือดในสมอง หัวใจ ไต และต่อมลูกหมาก มีผลป้องกันไม่ให้อ้วนขึ้น

2. กลุ่มโทคอล ซึ่งอยู่ในรูปของ โทโคเฟอรอล และโทโคไทรนีนอล ซึ่งอยู่ในวิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เช่น เซลล์ผิว เซลล์เม็ดเลือดและเซลล์สมองในร่างกายมนุษย์ให้แข็งแรงขึ้นและชลอความชราก่อนวัย โดยเป็นสารที่ต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกัน

3.Phospholipid กรุ๊ป ซึ่งประกอบด้วยสารเลซิติน Lyssolecithin Cephalin ซึ่งช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่างๆของประสาทและระบบสมองให้มีความจำดีขึ้น

4.Essential Fatty Acid ซึ่งประกอบด้วยโอเมก้า 6 และโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยฟื้นฟูเซลลืสมองได้ดีขึ้น ส่วนโอเมก้า 3 เป็นสารสำคัญที่ฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังให้แข็งแรงขึ้น โดยไปช่วยสร้างคอลลาเจนที่ผิวหนังให้ผิวหนังแข็งแรงและสวยงามเปล่งปลั่งขึ้นโดยธรรมชาติ

5. Ceramide (เซราไมด์) จะทำให้ผิวพรรณสวยงามเปล่งปลั่งเช่นกัน ซึ่งปกติจะพบมากในเด็กและจะเห็นว่าผิวพรรณดี อย่างไรก็ตามเมื่อโตขึ้นสารนี้จะเริ่มน้อยลง แต่จะมีมากในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวมาทดแทน

6.อยู่ในรูปแบบวิตามิน B-Complex ซึ่งประกอบด้วยสารเมลาโทนิน ที่ช่วยในการนอนหลับได้เป็นอย่างดี และแคลเซียมก็ช่วยซ่อมแซมเซลลืที่สำคัญๆได้อย่างดี เช่น เซลล์ของเส้นผมและเล็บ ให้แข็งแรงและงอกงามขึ้นด้วยเช่นกัน

ซึ่งสารสำคัญที่มีอยู่มากมายนั้นจะถูกทำลายโดยกรรมวิธีในการสกัดน้ำมันค่ะ อย่างเช่น ในน้ำมันรำข้าวแบบขวดสำหรับปรุงอาหาร ซึ่งเป็นน้ำมันรำข้าวผ่านกรรมวิธี และยิ่งต้องผ่านความร้อนจากการปรุงอาหารด้วยแล้ว สารอาหารก็จะยิ่งลดลงมากค่ะดังนั้นหากจะคงคุณค่าต่างๆเหล่านี้ไว้ต้องเป็นน้ำมันที่สกัดด้วยวิธีการพิเศษ จึงทำให้สารที่มีความสำคัญต่างๆยังอยู่ และนอกจากนี้ สารสำคัญหลายตัวนั้น ยังเป็นสารที่พบได้ใน "ข้าวไทยเท่านั้น" อีกด้วยค่ะน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สามารถดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดย รศ.ดร. สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณะบดีคณะแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และ 1 ใน 12 ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรของสหประชาชาติ ผู้วิจัยน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวจนโด่งดังขายดีมากใน U.S.A. และยุโรป

โดยสรุปน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดูแลสุขภาพ 4 เรื่อง ดังนี้

1. เรื่องเกี่ยวกับสมอง

ช่วยลดอาการเครียด ปวดหัว ไมเกรน นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม เสริมสร้างเซลล์สอง โดยรับประทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล,เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหาร ภายใน 1-2 วันจะเห็นผลชัดเจนในเรื่องของความเครียด นอนไม่หลับ*หากใครทาน 4 แคปซูลต่อวันแล้วมีอาการมืนงง ให้ลดเหลือ 2 แคปซูล เนื่องจากคนๆนั้นตอบสนองต่อน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดีมากจนเส้นเลือดในสมองขยายตัวมากเกินไป จนเลือดไปเลี้ยงสมองมากเกินไป (แต่จำนวนน้อยมากๆที่มีอาการเช่นนี้)

2. โรคเสื่อม เช่น

ไขมันในเส้นเลือด ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ เก๊า อัมพฤต มือเท้าชา อาการวัยทอง ให้ทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล, เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหารใน 7 วันแรก หากยังไม่เห็นผล ให้เพิ่มเป็น 6 แคปซูลต่อวัน (เช้า,กลางวัน,เย็น)

โรคมะเร็งขั้นที่ 1-2 รับประทานเป็น 9 แคปซูลในสัปดาห์ที่ 2

3. โรคอักเสบ เกี่ยวกับข้ออักเสบ ผิวหนังอักเสบ อื่นๆ รับประทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล, เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหารใน 7 วันแรก หากยังไม่เห็นผล ให้เพิ่มเป็น 6 แคปซูลต่อวัน (เช้า,กลางวัน,เย็น)

4. การต้านอนุมูลอิสระ จะมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระดีกว่าพวกน้ำมันตับปลาถึง 60 เท่า ทำให้อาการที่เกิดจากอนุมูลอิสระไปทำลายจนโรคเสื่อมเกิดน้อยลง เช่น หากอนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ตับอ่อน ทำให้การสร้างอินซูลินบกพร่อง จึงเกิดเบาหวาน หากไปทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดรอยแผลที่ผิวหลอดเลือด ทำให้ไขมันไปเกาะง่าย จึงเกิดไขมันอุดตัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น